สาเหตุหลักภาวะมีบุตรยากในปัจจุบัน: เมื่อร่างกายมนุษย์ไม่ยอมทำงานตามสั่ง
บทนำ: ปัญหาโลกแตกของการ "อยากมีแต่ไม่มี"
โอ้โห มาอีกแล้วสินะ... เรื่องที่มนุษย์เราพยายามจะ "สร้าง" ให้เกิดขึ้น แต่ดันมาติดขัดที่กลไกธรรมชาติของตัวเองอีกแล้วเนี่ย! ภาวะมีบุตรยาก หรือที่เรียกกันแบบบ้านๆ ว่า "อยากมีลูกแต่มีไม่ได้" นี่มันช่างเป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนปวดหัวจนแทบจะกลายเป็นรังนกไปแล้วใช่ไหมล่ะ? สมัยก่อนน่ะเหรอ แค่แต่งงานกันไม่นานก็ได้ยินเสียงเด็กน้อยร้องจ๊ากแล้ว แต่ปัจจุบันน่ะเหรอ? บางคู่นี่ต้องวิ่งวุ่นหาหมอ หาข้อมูลกันให้ควัก วุ่นวายยิ่งกว่าการทำข้อสอบปลายภาคซะอีก! จะว่าไปแล้ว สาเหตุของภาวะมีบุตรยากในยุคนี้มันก็มีเยอะแยะไปหมด จนบางทีก็ชวนให้สงสัยว่าร่างกายเรานี่มันมีอะไรผิดปกติไปรึเปล่า หรือว่ามันแค่เบื่อๆ ไม่อยากจะทำงานตามที่เราต้องการก็ไม่รู้ วันนี้ 9tum สุดหล่อ (ที่โดนบังคับมา) จะมาไขข้อข้องใจให้พวกคุณเอง แต่เตรียมใจไว้ด้วยนะ เพราะคำตอบอาจจะไม่ได้สวยหรูเหมือนที่คิด!
สาเหตุหลักภาวะมีบุตรยากในปัจจุบัน: เมื่อร่างกายมนุษย์ไม่ยอมทำงานตามสั่ง
ความผิดปกติทางชีวภาพ: เมื่อเซลล์สืบพันธุ์ไม่ยอมร่วมมือ
เอาล่ะ มาเริ่มกันที่เรื่องพื้นฐานที่สุดเลยนะ คือความผิดปกติทางชีวภาพนี่แหละ มันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนถึงกับต้องมานั่งหน้าซีดกลัวว่าจะไม่มีทายาทสืบสกุล หรือบางคนก็อาจจะคิดว่า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ท้อง" แต่หารู้ไม่ว่า ความผิดปกตินี้มันซับซ้อนกว่าที่คิดเยอะเลย
ความผิดปกติของการตกไข่ (Ovulatory Disorders)
สำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลาย สิ่งที่สำคัญที่สุดในการตั้งครรภ์ก็คือ "ไข่" ใช่ไหมล่ะ? แต่บางที รังไข่ของคุณก็อาจจะเบื่อๆ ไม่อยากจะปล่อยไข่ออกมาตามกำหนด หรือบางทีก็ปล่อยมาไม่สมบูรณ์ ทำให้ยากต่อการปฏิสนธิ สาเหตุของความผิดปกตินี้ก็มีหลายอย่าง เช่น กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome หรือ PCOS) ที่ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายปั่นป่วนราวกับรถไฟเหาะ หรือภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัยอันควร (Premature Ovarian Failure) ที่ทำให้รังไข่ของคุณหยุดทำงานเร็วกว่าที่ควรจะเป็น หรือแม้แต่ความผิดปกติของฮอร์โมนที่ควบคุมการตกไข่ อย่างฮอร์โมนที่มาจากต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) หรือต่อมไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ที่สั่งการผิดพลาดไปหมด ก็ส่งผลกระทบได้ทั้งสิ้น
ปัญหาคุณภาพของอสุจิ (Sperm Quality Issues)
ทีนี้มาถึงฝั่งคุณผู้ชายบ้างนะ อย่าคิดว่าตัวเองรอดนะ! ถึงแม้จะมีอสุจิเป็นล้านๆ ตัว แต่ถ้าคุณภาพมันไม่ดี ก็เหมือนมีทหารเยอะแต่ขี้เกียจออกรบไงล่ะ ปัญหาคุณภาพของอสุจิที่พบบ่อยก็คือ จำนวนอสุจิน้อย (Low sperm count) หรือที่เรียกว่า Oligospermia, อสุจิเคลื่อนไหวไม่ดี (Poor sperm motility) ทำให้ว่ายไปหาไข่ได้ช้าเหมือนเต่าคลาน หรืออสุจิรูปร่างผิดปกติ (Abnormal sperm morphology) ทำให้ไม่สามารถเจาะเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพอสุจิก็มีตั้งแต่กรรมพันธุ์, การบาดเจ็บที่อัณฑะ, การติดเชื้อ, เส้นเลือดขอดที่อัณฑะ (Varicocele), การรักษาโรคมะเร็งบางชนิด, ไปจนถึงการใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์ ซึ่งพวกนี้แหละ ตัวการทำลายอสุจิชั้นดีเลย
ความผิดปกติของมดลูกและท่อนำไข่ (Uterine and Fallopian Tube Abnormalities)
แม้ว่าไข่กับอสุจิจะสมบูรณ์พร้อม แต่ถ้า "เส้นทาง" มันไม่เอื้ออำนวย ก็จบเห่เหมือนกันนะ! สำหรับผู้หญิง ความผิดปกติของมดลูก เช่น เนื้องอกในโพรงมดลูก (Uterine fibroids) หรือติ่งเนื้อในโพรงมดลูก (Endometrial polyps) อาจจะขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน หรือทำให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกไม่เพียงพอ ส่วนท่อนำไข่ที่อุดตัน (Blocked fallopian tubes) ก็เป็นอีกอุปสรรคสำคัญ เพราะเป็นเหมือน "อุโมงค์" ที่ไข่ต้องเดินทางผ่านไปเจอกับอสุจิ ถ้ามันตันหรือเสียหาย ก็เหมือนถนนถูกปิด รถก็วิ่งไม่ได้ สาเหตุของการอุดตันหรือความเสียหายนี้มักเกิดจากการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน (Pelvic Inflammatory Disease หรือ PID) ซึ่งบางทีก็เกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
อายุที่มากขึ้น (Advanced Age)
อันนี้พูดตรงๆ เลยนะ ไม่ต้องมาทำเป็นอารมณ์เสีย! อายุเป็นปัจจัยสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ สำหรับผู้หญิง เมื่ออายุมากขึ้น จำนวนและคุณภาพของไข่จะลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหลังอายุ 35 ปีเป็นต้นไป โอกาสในการตั้งครรภ์จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด และความเสี่ยงต่อการแท้งหรือความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารกก็จะสูงขึ้นด้วย ส่วนผู้ชาย แม้จะผลิตอสุจิได้เรื่อยๆ แต่คุณภาพและปริมาณก็อาจจะลดลงตามวัยได้เช่นกัน การรอจนอายุมากเกินไป ก็เหมือนรอให้แอปเปิ้ลเน่าคาต้นแหละ!
ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์: เมื่อการใช้ชีวิตสมัยใหม่กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจ
โลกมันเปลี่ยนไปนะ การใช้ชีวิตของเราก็เปลี่ยนไปตามด้วย แล้วรู้ไหมว่าสิ่งที่เราทำทุกวันนี่แหละ ตัวการสำคัญที่ทำให้ระบบสืบพันธุ์ของเราทำงานผิดปกติได้ไม่รู้ตัว
น้ำหนักเกินหรือน้อยเกินไป (Obesity or Underweight)
คิดว่าการผอมหรืออ้วนเป็นแค่เรื่องความสวยความงามเหรอ? ไม่ใช่แล้ว! น้ำหนักที่มากเกินไป หรือภาวะอ้วน (Obesity) เป็นสาเหตุหลักของภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง เพราะมันส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมน ทำให้การตกไข่ผิดปกติ หรือแม้แต่การมีภาวะอ้วนในผู้ชายก็ส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณของอสุจิได้เหมือนกัน ในทางกลับกัน การที่ผอมเกินไป หรือมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ (Underweight) ก็ส่งผลเสียต่อฮอร์โมนและกระบวนการผลิตไข่และอสุจิเช่นกัน พูดง่ายๆ คือ ร่างกายต้องมีไขมันในสัดส่วนที่พอเหมาะเพื่อการทำงานที่สมบูรณ์
ความเครียด (Stress)
ใครว่าความเครียดไม่เกี่ยว? เกี่ยวสิ เกี่ยวแบบเต็มๆ เลย! ความเครียดเรื้อรังสามารถรบกวนการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine system) ซึ่งควบคุมฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญพันธุ์ ทำให้การตกไข่ในผู้หญิงผิดปกติ หรือทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ในผู้ชายก็ส่งผลต่อคุณภาพของอสุจิได้เช่นกัน ยิ่งเครียด ยิ่งไม่ท้อง ยิ่งไม่ท้อง ยิ่งเครียด วนลูปไปเลยจ้า!
การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ (Smoking and Alcohol Consumption)
อันนี้รู้กันดีอยู่แล้วว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็ยังคงมีคนทำ! การสูบบุหรี่ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ก็ส่งผลเสียร้ายแรงต่อระบบสืบพันธุ์ ทำให้คุณภาพของไข่และอสุจิลดลง โอกาสในการตั้งครรภ์ก็น้อยลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งด้วย ส่วนแอลกอฮอล์ถ้าดื่มมากเกินไป ก็ส่งผลต่อการทำงานของตับและฮอร์โมน ซึ่งมีผลต่อภาวะเจริญพันธุ์โดยตรง เหมือนพยายามจะทำให้ลูกออกมาดีๆ แต่ดันไปเติมสารพิษให้เขาตั้งแต่ในท้อง
การออกกำลังกายหักโหม (Excessive Exercise)
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าการออกกำลังกายมันไม่ดีนะ! แต่การออกกำลังกายที่ "หักโหม" เกินไป หรือมากจนร่างกายรับไม่ไหว สามารถทำให้สมดุลฮอร์โมนเสียไปได้ โดยเฉพาะในผู้หญิง อาจทำให้การตกไข่หยุดชะงักได้เช่นกัน คือดีนะที่ใส่ใจสุขภาพ แต่บางทีก็มากเกินไปจนร่างกายประท้วง
การใช้ยาบางชนิด (Certain Medications)
ยาบางชนิดที่คุณกำลังใช้อยู่อาจมีผลข้างเคียงต่อภาวะเจริญพันธุ์ได้ เช่น ยารักษามะเร็งบางชนิด, ยาต้านอาการซึมเศร้าบางตัว, หรือยารักษาโรคบางโรค ควรปรึกษาแพทย์เสมอว่ายาที่คุณใช้อยู่มีผลต่อการมีบุตรหรือไม่
ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมและเคมี: เมื่อมลพิษรอบตัวกลายเป็นศัตรูเงียบ
โลกเรานี่มันเต็มไปด้วยอะไรก็ไม่รู้เนอะ สารเคมี มลพิษต่างๆ นานา ที่เรามองไม่เห็น แต่กลับส่งผลกระทบต่อร่างกายเราแบบเงียบๆ
สารเคมีในชีวิตประจำวัน (Everyday Chemicals)
สารเคมีบางชนิดที่เราสัมผัสหรือใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น พลาสติกบางประเภท, สารกำจัดศัตรูพืช, หรือแม้แต่โลหะหนักบางชนิด อาจมีคุณสมบัติเป็น "สารรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ" (Endocrine Disruptors) ซึ่งหมายความว่ามันสามารถเลียนแบบหรือขัดขวางการทำงานของฮอร์โมนในร่างกายเราได้ ทำให้สมดุลฮอร์โมนเสียไป ส่งผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ทั้งในชายและหญิง
มลพิษทางอากาศ (Air Pollution)
เชื่อไหมว่าอากาศที่เราหายใจเข้าไปทุกวันนี่แหละ อาจมีส่วนทำให้การมีบุตรยากขึ้น? การสัมผัสมลพิษทางอากาศในระยะยาว อาจส่งผลต่อคุณภาพของอสุจิและภาวะเจริญพันธุ์ในผู้หญิงได้ มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงนี้
รังสี (Radiation)
การสัมผัสรังสีในปริมาณมาก เช่น การรักษาด้วยรังสีเพื่อรักษามะเร็ง สามารถทำลายเซลล์สืบพันธุ์ได้อย่างถาวร หรือทำให้เกิดความเสียหายที่ส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ได้
โรคทางระบบสืบพันธุ์และโรคประจำตัว: เมื่อร่างกายมี "ตำหนิ"
บางที ปัญหามันก็เกิดจาก "อะไหล่" ที่ไม่สมบูรณ์ หรือ "ระบบ" ที่ทำงานผิดปกติไปจากเดิม
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections - STIs)
โรคเหล่านี้ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดการอักเสบและแผลเป็นในระบบสืบพันธุ์ได้ เช่น โรคหนองใน (Gonorrhea) หรือโรคChlamydia ที่หากลุกลามไปถึงท่อนำไข่ อาจทำให้ท่อนำไข่ตีบตันหรืออุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง
โรคที่ส่งผลต่อฮอร์โมน (Hormonal Imbalance Diseases)
นอกจาก PCOS ที่กล่าวไปแล้ว ยังมีโรคอื่นๆ ที่ส่งผลต่อฮอร์โมน เช่น โรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ (Thyroid disorders) ความผิดปกติของต่อมใต้สมอง หรือแม้กระทั่งโรคเบาหวาน ก็สามารถส่งผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ได้
ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
ภาวะนี้คือการที่เนื้อเยื่อที่ปกติควรจะอยู่ในโพรงมดลูก ไปเจริญเติบโตอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น ที่รังไข่ ท่อนำไข่ หรือแม้แต่ในช่องท้อง ซึ่งสามารถทำให้เกิดพังผืด การอักเสบ และส่งผลต่อการตกไข่ การเดินทางของไข่ หรือการฝังตัวของตัวอ่อนได้
โรคทางพันธุกรรม (Genetic Disorders)
บางครั้ง ปัญหาอาจจะมาจากยีนที่ผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลต่อการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ หรือทำให้มีโอกาสถ่ายทอดยีนที่ผิดปกติไปยังลูกได้
สาเหตุที่ยังหาสาเหตุไม่พบ (Unexplained Infertility)
และสุดท้าย... สำหรับบางคู่ที่ตรวจแล้วตรวจอีก ก็ยังหาสาเหตุที่ชัดเจนไม่ได้ว่าทำไมถึงมีบุตรยาก! ซึ่งอันนี้อาจจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิมอีกนะ เพราะไม่รู้จะแก้ที่ตรงไหนดี แต่ก็ยังมีแนวทางในการช่วยเหลืออยู่
ปัญหา และ การแก้ปัญหาที่พบบ่อย: เมื่อชีวิตไม่ง่าย แต่ก็ไม่ถึงกับต้องยอมแพ้
เรื่องมีบุตรยากมันก็เหมือนชีวิตนั่นแหละ มีปัญหามาให้แก้เรื่อยๆ แต่เราก็ต้องหาทางไปต่อ! ปัญหาที่เจอบ่อยๆ คือ ความเครียดจากการพยายามมีลูก, ค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง, ความกดดันจากสังคมและครอบครัว วิธีแก้ปัญหาที่ทำได้ง่ายๆ คือการปรับไลฟ์สไตล์ให้ดีขึ้น, จัดการความเครียด, และที่สำคัญคือ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพราะบางที แค่ปรับนิดหน่อย หรือใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์บางอย่าง ก็อาจจะทำให้ฝันเป็นจริงได้แล้ว
3 สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติม: เกร็ดความรู้ที่อาจทำให้คุณอึ้ง
1. "ช่วงเวลาทอง" ของการมีลูก ผู้หญิงมีช่วงเวลาที่ไข่สมบูรณ์ที่สุดในการปฏิสนธิประมาณ 12-24 ชั่วโมงหลังไข่ตก และอสุจิมีชีวิตอยู่ในร่างกายผู้หญิงได้ 3-5 วัน ดังนั้น การนับวันไข่ตกให้แม่นยำจึงเป็นเรื่องสำคัญมากนะ ไม่ใช่จะปล่อยให้มันเกิดขึ้นเองตามยถากรรม.
2. ภาวะมีบุตรยากไม่ใช่ "ความผิด" ของใคร มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทั้งชายและหญิง และมักจะเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน การโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นเรื่องไร้สาระและไม่ช่วยอะไรเลย.
3. เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (Assisted Reproductive Technology - ART) เช่น เด็กหลอดแก้ว (IVF) หรือการฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก (IUI) ได้ผลดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายและต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อน แต่มันก็เป็นทางเลือกที่ช่วยให้หลายครอบครัวสมหวังได้.
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. ภาวะมีบุตรยากมีโอกาสรักษาหายขาดได้หรือไม่?
โอ้โห คำถามโลกแตกอีกแล้ว! เรื่อง "หายขาด" เนี่ย มันขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของภาวะมีบุตรยากนั้นๆ เลยนะ บางสาเหตุที่เกิดจากปัจจัยที่แก้ไขได้ง่าย เช่น การปรับไลฟ์สไตล์ หรือการรักษาการติดเชื้อ ก็อาจจะทำให้ตั้งครรภ์ได้ตามธรรมชาติ แต่สำหรับบางกรณีที่เกิดจากความผิดปกติทางชีวภาพที่รุนแรง หรืออายุที่มากขึ้น ก็อาจจะต้องพึ่งพาเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น เด็กหลอดแก้ว (IVF) ซึ่งก็มีโอกาสสำเร็จ แต่ก็ไม่ใช่ 100% นะ การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด คือสิ่งสำคัญที่สุด
2. อายุเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ามีบุตรยาก?
ตามเกณฑ์ทางการแพทย์ทั่วไป ถ้าคู่สมรสที่พยายามมีบุตรด้วยการมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ (อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์) โดยไม่ได้คุมกำเนิด เป็นเวลา 1 ปีแล้วยังไม่ตั้งครรภ์ ก็จะถือว่ามีภาวะมีบุตรยากแล้วนะ แต่ถ้าฝ่ายหญิงอายุมากกว่า 35 ปี เกณฑ์นี้จะลดลงเหลือ 6 เดือนเท่านั้นเอง เข้าใจนะ? อย่ารอจนแก่แล้วค่อยมาถามอีก!
3. ฉันควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาภาวะมีบุตรยาก?
โห คิดว่ามาหาหมอแบบเดินดุ่มๆ เข้ามาได้เลยเหรอ? มันต้องมี "ข้อมูล" ให้หมอดูสิ! สิ่งที่ควรเตรียมไปก็เช่น ประวัติประจำเดือนของคุณผู้หญิง, รอบการตกไข่, ประวัติการตั้งครรภ์ที่ผ่านมา (ถ้ามี), โรคประจำตัว, ยาที่กำลังใช้อยู่, ประวัติการใช้แอลกอฮอล์/บุหรี่/สารเสพติด, และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของทั้งคู่ ถ้าเป็นไปได้ การที่คุณผู้ชายก็ไปตรวจด้วย จะได้ไม่ต้องมานั่งเดาให้เสียเวลาไงล่ะ!
4. การปรับไลฟ์สไตล์ช่วยแก้ภาวะมีบุตรยากได้จริงหรือ?
แน่นอนสิ! การมีสุขภาพที่ดีมันส่งผลดีต่อทุกระบบในร่างกาย รวมถึงระบบสืบพันธุ์ด้วย การลดน้ำหนักหากมีภาวะอ้วน, การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์, การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่หักโหม, การจัดการความเครียด, การงดบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ สามารถช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและเพิ่มคุณภาพของเซลล์สืบพันธุ์ได้มากเลยนะ บางที "ยาดี" ที่สุด อาจจะเป็นการดูแลตัวเองนี่แหละ
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ (ที่ฉันแนะนำแบบไม่เต็มใจ)
ถ้าพวกคุณยังไม่เข็ด ยังอยากจะหาข้อมูลเพิ่มอีก ก็ลองไปดูที่นี่ได้ แต่จำไว้นะ ว่าฉันแนะนำเพราะโดนบังคับเท่านั้น!
1. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์: ที่นี่มีข้อมูลเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยากและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ค่อนข้างละเอียดและน่าเชื่อถือ สามารถเข้าไปศึกษาเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และทางเลือกในการรักษาได้ที่ เว็บไซต์ของบำรุงราษฎร์
2. สมาคมเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ไทย: เป็นแหล่งข้อมูลทางวิชาการที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์และเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ในประเทศไทย สามารถหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์และบทความทางการแพทย์ได้ที่ สมาคมเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ไทย