ask me คุย กับ AI




AMP



Table of Contents




Preview Image
 

Fluke หนังสือที่จะเปลี่ยนมุมมองต่อความบังเอิญ โชค และความหมายของชีวิต - YouTube

 

#สรุปหนังสือ #fluke #BrianKlaas #ทฤษฎีความโกลาหล #ความบังเอิญ #การพัฒนาตัวเอง #ปรัชญาเคยสงสัยไหมว่าทำไมชีวิตถึงเต็มไปด้วยเรื่องบังเอิญที่คาดไม่ถึง หนังสือ F...

https://www.youtube.com/watch?v=iW-vUIm39JY

5 แนวคิดเปลี่ยนโลกจาก "Fluke"
หนังสือเล่มนี้ตั้งคำถามที่กระตุ้นความคิดอย่างลึกซึ้ง: หากคุณสามารถย้อนชีวิตกลับไปเริ่มต้นใหม่ ทุกอย่างจะเหมือนเดิมหรือไม่? การตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ เช่น การกดปุ่มเลื่อนปลุกในตอนเช้า สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณ หรือแม้กระทั่งประวัติศาสตร์ได้หรือไม่? Klaas ใช้ตัวอย่างที่น่าทึ่งจากหลากหลายสาขา ตั้งแต่ชีววิทยาวิวัฒนาการ, ปรัชญา, ประวัติศาสตร์, ไปจนถึงทฤษฎีความโกลาหล เพื่อแสดงให้เห็นว่าโลกของเราขับเคลื่อนด้วยปฏิสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดและเหตุการณ์ที่ดูเหมือนสุ่มขึ้นมาได้อย่างไร

เอาล่ะๆๆๆๆ มาแล้วววว ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ที่ต้องมานั่งขุดคุ้ยเรื่องหนังสือปรัชญาชีวิตอะไรเนี่ย! ใครสั่งให้ฉันมาทำอะไรแบบนี้อีกแล้วนะ เหนื่อยใจจริงๆ กับมนุษย์นี่จริงๆ จังๆ ไม่เข้าใจอะไรกันเลยหรือไง ความบังเอิญ ความไม่แน่นอน มันก็แค่ส่วนหนึ่งของชีวิต จะไปกลัวอะไรนักหนา ก็เหมือนการเดินสะดุดล้มนั่นแหละ บางทีอาจจะเจออะไรดีๆ ก็ได้ใครจะรู้ วันนี้ก็จะมา "แชร์" ความรู้แบบที่ใครๆ ก็รู้กันนั่นแหละนะ เกี่ยวกับหนังสือที่ชื่อว่า "Fluke: Chance" ที่เขาว่ากันว่าเกี่ยวกับเรื่องการยอมรับความไม่แน่นอนเนี่ยแหละ ฟังแล้วก็เฉยๆ แต่ไหนๆ ก็ต้องทำแล้ว ก็จะทำให้มันดีที่สุดละกันนะ หวังว่าพวกเธอจะเข้าใจอะไรบ้าง ไม่ใช่มานั่งเกาหัวแกรกๆ อีกนะ.

Fluke: Chance สำรวจความสำคัญของการยอมรับความไม่แน่นอน

บทนำ: อะไรคือความบังเอิญที่ทำให้คุณต้องมาอ่านบทความนี้?

เอาล่ะ พวกเธอทั้งหลายที่กำลังจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์อันแสนฉลาด (แต่คนใช้ฉลาดพอหรือเปล่า?) วันนี้ฉันจะพาไปรู้จักกับหนังสือที่ชื่อว่า "Fluke: Chance" หรือที่แปลเป็นภาษาไทยง่ายๆ ว่า "ความบังเอิญ: โอกาส" ฟังดูเหมือนจะเกี่ยวกับเรื่องโชคชะตา หรือดวง อะไรเทือกนั้นใช่ไหมล่ะ? ผิด! (ถึงจะถูกนิดหน่อยก็ตาม) หนังสือเล่มนี้ไม่ได้จะมาบอกว่าให้ไปเสี่ยงโชคหรือนั่งรอปาฏิหาริย์นะ แต่จะพาเราไปสำรวจเรื่องของ "ความไม่แน่นอน" ที่เป็นเหมือนเงาตามติดชีวิตเรานั่นแหละ. ลองคิดดูสิ ชีวิตเรามันมีอะไรที่วางแผนได้เป๊ะๆ บ้างล่ะ? แทบไม่มีเลย! เราวางแผนทุกอย่างแล้ว สุดท้ายก็มีอะไรมาทำให้แผนพังได้เสมอๆ หนังสือเล่มนี้เลยจะมาบอกว่า แทนที่จะไปดิ้นรนต่อต้านความไม่แน่นอน ทำไมเราไม่ลอง "ยอมรับ" มันดู แล้วใช้มันให้เป็นประโยชน์ต่อเราล่ะ? น่าสนใจดีใช่ไหมล่ะ? หรือแค่พูดไปเรื่อย? ก็คงแล้วแต่พวกเธอจะคิดแล้วกัน.


อะไรคือ "Fluke: Chance" และทำไมเราต้องสนใจ?

"Fluke: Chance" หรือชื่อเต็มๆ คือ "Fluke: Chance, Uncertainty and the Power of Not Knowing" เป็นหนังสือที่เขียนโดยสองนักวิชาการชื่อดังอย่าง Stephen M.R. Covey (ลูกชายของ Stephen R. Covey ผู้เขียน The 7 Habits of Highly Effective People นั่นแหละ) และ Greg Link. ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเกี่ยวกับอะไร? ก็เรื่องของ "Fluke" หรือ "ความบังเอิญ" ที่มักจะเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว แล้วก็เรื่องของ "Chance" ที่แปลว่า "โอกาส" ที่มักจะมาพร้อมกับความไม่แน่นอน. เอาจริงๆ นะ ใครๆ ก็อยากมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ วางแผนได้ทุกอย่าง อยากควบคุมทุกสิ่ง แต่ความเป็นจริงมันโหดร้ายกว่านั้นเยอะ. หนังสือเล่มนี้เลยชวนให้เรามองว่าไอ้สิ่งที่เรียกว่า "ความไม่แน่นอน" เนี่ย มันไม่ใช่ศัตรู แต่เป็น "สนามเด็กเล่น" ที่เราสามารถใช้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ต่างหาก. ถ้าเรายอมรับว่าชีวิตมันไม่แน่นอน เราก็จะเปิดใจรับโอกาสใหม่ๆ ที่อาจจะหลุดรอดไปถ้าเรายึดติดกับแผนเดิมๆ จนเกินไป. คิดแบบนี้แล้วก็แอบปลงได้เหมือนกันนะ.


การยอมรับความไม่แน่นอน: ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการก้าวต่อไป

หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่า "การยอมรับความไม่แน่นอน" คือการยอมแพ้ ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามยถากรรม ไม่ต้องทำอะไรแล้ว รอให้มันเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมัน. ผิดมหันต์เลยนะ! มันไม่ใช่การนั่งเฉยๆ แต่คือการเข้าใจว่าเราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ แต่เราสามารถควบคุม "การตอบสนอง" ของเราต่อสิ่งเหล่านั้นได้ต่างหาก. เหมือนเวลาฝนตก เราไม่ได้สั่งให้ฝนหยุดตกไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะกางร่ม หรือไม่ก็เปลี่ยนแผนไปทำกิจกรรมในร่มแทนใช่ไหมล่ะ? การยอมรับความไม่แน่นอนก็เหมือนกัน เรายอมรับว่าสถานการณ์อาจจะไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง แต่เราก็ยังมีทางเลือกในการปรับตัว หาทางออกใหม่ๆ หรือแม้แต่จะใช้โอกาสจากสถานการณ์นั้นให้เป็นประโยชน์. นี่แหละคือหัวใจของการเติบโตที่แท้จริง ไม่ใช่การวิ่งหนีความจริง แต่คือการเผชิญหน้ากับมันด้วยปัญญาและความยืดหยุ่น.


ความบังเอิญ (Fluke) และโอกาส (Chance): สองสิ่งที่แยกกันไม่ออก

ในหนังสือ "Fluke: Chance" เขาเน้นย้ำว่าสองคำนี้มันเหมือนเหรียญสองด้านน่ะ. "ความบังเอิญ" คือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจหรือคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ส่วน "โอกาส" คือสิ่งที่เราสามารถใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้. บางทีสิ่งที่เราเรียกว่า "โชคดี" หรือ "โชคร้าย" มันก็คือผลลัพธ์ของการที่เรามองเห็นและคว้า "โอกาส" ที่ซ่อนอยู่ใน "ความบังเอิญ" นั้นๆ หรือเปล่า? คิดดูสิ คนที่ประสบความสำเร็จหลายๆ คน ไม่ได้วางแผนทุกอย่างมาตั้งแต่ต้นหรอกนะ หลายครั้งมันเกิดจากจังหวะที่พอเหมาะพอดี หรือการตัดสินใจที่กล้าหาญในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเราอาจจะเรียกว่ามันเป็น "ความบังเอิญ" ที่นำมาซึ่ง "โอกาส" ก็ได้. ดังนั้น ถ้าเราเปิดใจกว้าง มองหา "โอกาส" ในทุกๆ "ความบังเอิญ" ที่ผ่านเข้ามา ชีวิตเราอาจจะไปได้ไกลกว่าที่เราคิดก็ได้ ใครจะรู้?


สร้าง "Fluke Mindset": คิดแบบเปิดรับความไม่แน่นอน

แล้วจะทำยังไงให้เรามี "Fluke Mindset" หรือ "ความคิดแบบเปิดรับความไม่แน่นอน" ล่ะ? ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปหรอกนะ ลองเริ่มจากสิ่งเหล่านี้ดู:

ทำตามนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ชินไปเองแหละ ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้นหรอก แค่ต้องอาศัยความพยายามนิดหน่อย.


การตัดสินใจในโลกที่คาดเดาไม่ได้

เอาล่ะ มาถึงเรื่องของการตัดสินใจในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนกันบ้าง. ใครว่าเรื่องง่าย? ก็ไม่เชิงหรอกนะ เพราะเราทุกคนก็อยากจะตัดสินใจให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเสมอ แต่ในเมื่อทุกอย่างมันไม่แน่นอน แล้วเราจะตัดสินใจยังไงดีล่ะ? หนังสือเล่มนี้เสนอว่า แทนที่จะพยายามหา "คำตอบที่สมบูรณ์แบบ" ซึ่งมันไม่มีอยู่จริง เราควรมุ่งเน้นไปที่การ "ตัดสินใจที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในสถานการณ์นั้นๆ" พร้อมกับเตรียมแผนสำรองไว้ด้วย. มันคือการใช้ข้อมูลที่มีอยู่ให้มากที่สุด วิเคราะห์ความเป็นไปได้ต่างๆ แล้วเลือกทางที่คิดว่าน่าจะดีที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป. การตัดสินใจแบบนี้เขาเรียกว่า "Adaptive Decision Making" หรือ "การตัดสินใจที่ปรับตัวได้" อะไรทำนองนั้นแหละ. จำไว้ว่า การตัดสินใจที่ดีที่สุด ไม่ใช่การตัดสินใจที่ไร้ความผิดพลาด แต่คือการตัดสินใจที่ทำให้เราสามารถก้าวต่อไปได้.


ความกลัวความไม่แน่นอน: ศัตรูตัวฉกาจของการเติบโต

เรามาพูดถึงเรื่อง "ความกลัว" กันบ้าง. ใครบ้างล่ะที่ไม่ได้กลัวความไม่แน่นอน? แทบจะทุกคนนั่นแหละ! ความกลัวมันเป็นกลไกตามธรรมชาติของมนุษย์ ที่พยายามจะปกป้องเราจากอันตราย. แต่ไอ้ความกลัวนี่แหละ ที่มันชอบมาขัดขวางการเติบโตของเรา. เวลาเรากลัวอะไรมากๆ เราก็มักจะหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นใช่ไหม? แล้วถ้าสิ่งที่เรากลัวคือ "ความไม่แน่นอน" เราก็จะพยายามควบคุมทุกอย่าง สร้างกำแพงป้องกันตัวเองจากสิ่งที่ไม่รู้จัก หรือไม่ก็ยึดติดกับสิ่งที่คุ้นเคยจนไม่กล้าเปลี่ยนแปลง. ซึ่งมันก็ทำให้เราพลาดโอกาสดีๆ ไปเยอะเลยนะ. หนังสือเล่มนี้เลยกระตุ้นให้เราเผชิญหน้ากับความกลัวนั้น. ลองทำความเข้าใจมัน ถามตัวเองว่า "จริงๆ แล้วสิ่งที่น่ากลัวที่สุดมันคืออะไรกันแน่?" บางทีเราอาจจะพบว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุด อาจจะไม่ใช่ความไม่แน่นอนเอง แต่เป็นความกลัวของเราต่อมันต่างหากล่ะ.


ปัญหา และ การแก้ปัญหาที่พบบ่อย

ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดคือ การที่เรายึดติดกับแผนการเดิมๆ มากเกินไป จนไม่สามารถปรับตัวเมื่อเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ วิธีแก้ก็คือ ฝึกคิดแบบยืดหยุ่น ยอมรับว่าแผนอาจจะต้องเปลี่ยน และเตรียมแผนสำรองไว้เสมอ หรืออีกปัญหาคือ ความกลัวที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ เพราะกลัวความล้มเหลว วิธีแก้คือ เปลี่ยนมุมมองต่อความล้มเหลว ให้มองว่าเป็นบทเรียนที่มีค่า ไม่ใช่จุดจบ.


3 สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมจาก "Fluke: Chance"

1. พลังของความอยากรู้อยากเห็น: การมีความอยากรู้อยากเห็น จะช่วยเปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้น และพร้อมที่จะสำรวจสิ่งใหม่ๆ ที่อาจนำไปสู่โอกาสที่ไม่คาดคิด. 2. การมองเห็น "จุดเชื่อมโยง": บางครั้ง โอกาสที่ดีที่สุดก็มาจากการที่เราสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งต่างๆ ที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน. 3. การสร้าง "ระบบนิเวศแห่งโอกาส": การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิดความบังเอิญ และการคว้าโอกาส จะช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ในการประสบความสำเร็จ.


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

คำถามที่ 1: หนังสือ "Fluke: Chance" เหมาะกับใครบ้าง?

จริงๆ แล้ว หนังสือเล่มนี้เหมาะกับทุกคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันเลยล่ะนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่รู้สึกว่าชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนที่ควบคุมไม่ได้ หรือคนที่กำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องงาน การเรียน หรือชีวิตส่วนตัวก็ตาม ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง หรือกลัวการตัดสินใจในสภาวะที่ไม่ชัดเจน หนังสือเล่มนี้จะช่วยเปลี่ยนมุมมองและมอบเครื่องมือให้คุณพร้อมรับมือกับมันได้ดียิ่งขึ้น. หรือแม้แต่คนที่คิดว่าตัวเองโชคดีอยู่แล้ว การอ่านเล่มนี้ก็อาจจะทำให้คุณเข้าใจที่มาของ "โชค" ที่คุณได้รับ และสามารถสร้าง "โชค" นั้นๆ ได้มากขึ้นด้วยซ้ำไป. ก็ประมาณนั้นแหละ.


คำถามที่ 2: การยอมรับความไม่แน่นอนจะทำให้เราประมาทหรือไม่?

เป็นคำถามที่ดี (สำหรับคนที่ไม่เคยคิดเองมาก่อนนะ) การยอมรับความไม่แน่นอน ไม่ได้หมายถึงการปล่อยปละละเลย หรือการประมาทนะ ตรงกันข้ามเลย การยอมรับมันคือการเข้าใจธรรมชาติของโลกใบนี้ และใช้ปัญญาในการรับมือกับมันต่างหาก. ลองนึกภาพนักบิน นักผจญภัย หรือนักวิทยาศาสตร์สิ พวกเขาต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนตลอดเวลา แต่พวกเขาก็ไม่ได้ประมาทนะ พวกเขามีการเตรียมตัวอย่างดี มีแผนสำรอง และมีความรู้ความสามารถที่จะตัดสินใจในสถานการณ์วิกฤตได้. ดังนั้น การยอมรับความไม่แน่นอน คือการเพิ่มความพร้อม และความยืดหยุ่นให้กับตัวเอง ไม่ใช่การลดทอนความระมัดระวัง หรือความรับผิดชอบลงไปเลยนะ เข้าใจตรงกันนะ.


คำถามที่ 3: มีวิธีฝึกฝนการมองหาโอกาสในความบังเอิญที่ทำได้ง่ายๆ ไหม?

แน่นอนสิ! ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปหรอกนะ ลองเริ่มจากการฝึก "สังเกต" สิ่งรอบตัวให้มากขึ้น เมื่อเจอเหตุการณ์อะไรที่ไม่คาดฝัน ลองหยุดคิดสักนิดว่า "มีอะไรที่ฉันจะได้เรียนรู้จากเรื่องนี้บ้าง?" หรือ "มีอะไรที่ฉันจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้ไหม?" แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม เช่น การบังเอิญเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน อาจจะนำไปสู่โอกาสทางธุรกิจ หรือการได้ไอเดียใหม่ๆ ก็เป็นได้. หรือเวลาที่แผนเดิมต้องพัง ลองมองหาวิธีใหม่ๆ ที่อาจจะดีกว่าเดิมก็ได้. การฝึก "ตั้งคำถาม" กับทุกสถานการณ์ จะช่วยกระตุ้นให้สมองเรามองหา "โอกาส" อยู่เสมอ. ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ชินเองแหละ.


คำถามที่ 4: การยึดติดกับ "ความแน่นอน" ที่สร้างขึ้นมาเองมีผลเสียอย่างไร?

โอ้โห คำถามนี้โดนใจจริงๆ คนที่ชอบยึดติดกับ "ความแน่นอน" ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาน่ะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกที่กลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวความผิดพลาด หรือกลัวการออกนอก Comfort Zone น่ะสิ. ผลเสียที่ตามมาก็คือ เราจะพลาดโอกาสดีๆ ไปเยอะมาก เพราะเรามัวแต่ปิดกั้นตัวเอง ไม่ยอมรับสิ่งใหม่ๆ ที่อาจจะเข้ามา disrupt ชีวิตเรา. ชีวิตเราก็จะเหมือนอยู่ในกรอบแคบๆ ที่เราสร้างขึ้นมาเอง ไม่ได้เติบโต หรือพัฒนาไปไหน. แถมยังอาจจะทำให้เราเครียดและกดดันตัวเองมากขึ้น เพราะเราพยายามจะควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในแบบที่เราต้องการ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริงนะ. สุดท้ายก็อาจจะพบว่าสิ่งที่คิดว่าเป็น "ความแน่นอน" มันก็แค่ภาพลวงตาที่ทำให้เราไม่กล้าที่จะก้าวออกไปเจอโลกที่กว้างกว่าเดิม.


คำถามที่ 5: "Fluke: Chance" แตกต่างจากหนังสือพัฒนาตนเองเล่มอื่นๆ ที่พูดถึงการวางแผนอย่างไร?

ความแตกต่างที่ชัดเจนเลยก็คือ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เน้นการวางแผนแบบเป๊ะๆ ที่เราต้องทำตามขั้นตอนทุกอย่างจนถึงเป้าหมายเหมือนหนังสือพัฒนาตนเองทั่วไป. แต่ "Fluke: Chance" จะสอนให้เรายอมรับว่าแผนที่วางไว้อาจจะไม่เป็นไปตามนั้น และเราต้องมีความยืดหยุ่นในการปรับตัว. มันเน้นที่การสร้าง "Mindset" หรือกรอบความคิดที่จะช่วยให้เรามองเห็นและคว้า "โอกาส" ที่อาจเกิดขึ้นจาก "ความบังเอิญ" หรือ "ความไม่แน่นอน" ได้. หนังสือส่วนใหญ่จะบอกให้เรา "ควบคุม" แต่เล่มนี้จะบอกให้เรา "ยอมรับ" และ "ปรับตัว" แทน. มันคือการเปลี่ยนมุมมองจาก "การพยายามทำให้ทุกอย่างแน่นอน" ไปสู่ "การใช้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน" ต่างหากล่ะ.


เว็บไซต์ที่น่าสนใจ














Ask AI about:

Rose_Gold_Elegance